AI Story – 1 –

วันที่สิบ เดือนสิบเอ็ด ศักราชโลกใหม่ที่ห้าร้อยห้าสิบห้า

กราบเท้าคุณแม่ที่เคารพ

ผมเขียนจดหมายตามที่แม่บอกให้เขียนแล้วนะครับ หากได้รับจดหมายฉบับนี้แล้ว กรุณามาพบผมที่คาเฟ่บนโลกเสมือน เวลาสิบหกนาฬิกานะครับ

ผมจะรอที่คาเฟ่ทุกวันจนกว่าแม่จะมานะครับ

ด้วยรักและเคารพ

โคยูคิ

– – – – – – – – – –

 

วันที่ ๑๒ เดือน ๑๑ ศ.ล.ม. ๕๕๕

สวัสดีจ้ะ ลูกรัก

ทำไมเขียนมาสั้นจังเลยลูก แม่บอกให้เขียนเล่าเรื่องที่ร้านให้ฟังโดยละเอียดไม่ใช่หรือ เล่ามาให้หมดเลยนะ

อ้อ แล้วก็ ได้ฤกษ์ที่แม่จะต้องออกไปผจญภัยแล้วละ แม่จะไปชินนิฮงกับป้ารักษ์ ป้าภรณ์ น้ารินทร์ และน้าพรรณ เพราะงั้นคงจะไปเจอลูกบนโลกเสมือนไม่ได้สักระยะนะจ๊ะ

ตั้งใจทำงานดี ๆ นะลูก ให้มาสเตอร์เอ็นดู จะได้ทำเรื่องขอขึ้นเงินเดือนให้ลูกไง

แล้วเจอกันเมื่อโลก(เมื่อแม่)ต้องการนะจ๊ะ

รักและคิดถึงลูกเสมอนะ

แม่

ปล. อาจจะได้พ่อใหม่กลับมาให้ลูกก็ได้นะ ได้ข่าวว่าชายชาวชินนิฮงน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนลูกเลย

 

– – – – – – – – – –

 

วันที่สิบสี่ เดือนสิบเอ็ด ศักราชโลกใหม่ที่ห้าร้อยห้าสิบห้า

กราบเท้าคุณแม่ที่เคารพ

แม่ครับ ผมได้รับจดหมายของแม่แล้ว ผมรู้ครับว่าแม่อยากท่องโลกมานานแล้ว แต่แม่ก็ท่องโลกเสมือนที่จำลองจากโลกจริงจนแทบจะทุกซอกทุกมุมแล้วนะครับ โดยเฉพาะที่ชินนิฮงไปมาตั้งร้อยสิบสามครั้งแล้ว ร่างกายของแม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง การเดินทางในโลกจริงจะทำให้ร่างกายของแม่ย่ำแย่ลงนะครับ

ถึงห้ามไปแม่ก็ไม่ฟังอยู่ดีจริงไหมครับ ถ้าอย่างนั้น ช่วยบอกวันเวลาที่จะออกเดินทางกับผมได้ไหมครับ ถ้าผมลางานได้ จะไปส่งที่สนามบินนะครับ

เรื่องที่คาเฟ่ ผมกำลังเรียนรู้งานครับ ทั้งมาสเตอร์ เชฟ และพี่รัตน์ช่วยกันสอนงานผมอย่างดี ที่ผมไม่เข้าใจก็ช่วยอธิบายให้เข้าใจ ตรงไหนที่ผมทำไม่เป็น ก็จะทำให้ดูหลาย ๆ รอบ จนผมทำตามได้

มีเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัย ทำไมเราต้องติดต่อกันด้วยวิธีโบราณอย่างการเขียนจดหมายด้วยล่ะครับ แม่มาเจอผมบนโลกเสมือนจะไม่ง่ายกว่าหรือครับ

ถ้าแม่อยากเจอผม ผมยังรออยู่ที่คาเฟ่ทุกวันนะครับ

ด้วยรักและเคารพ

โคยูคิ

ปล. พ่อใหม่อะไรกัน ผมจำไม่ได้ว่าเคยมีพ่อมาก่อน หามาให้ได้ก่อนสักคนแล้วค่อยมาคุยเถอะครับ

 

– – – – – – – – – –

 

วันที่ ๑๘ เดือน ๑๑ ศ.ล.ม. ๕๕๕

สวัสดีจ้ะ ลูกรัก

ยกโทษให้แม่ด้วยนะที่ออกเดินทางมาก่อนโดยไม่บอก แม่ไม่อยากให้ลูกต้องลางานมาส่งแม่

แม่ถึงชินนิฮงแล้วจ้ะ ตอนนี้พักอยู่ที่โรงพักแรมเก่าแก่บนเกาะชินคาโงะชิมะ อากาศที่ชินนิฮงค่อนข้างหนาว แต่บนเกาะนี้อุ่นกว่าที่ื่อื่น ๆ นิดหน่อย ที่สำคัญคือ ทะเลที่นี่สวยมาก ๆๆๆๆ คนบนเกาะก็ใจดีมากเลย เมื่อคืนตอนพวกแม่มาถึง เจ้าของโรงพักแรมชวนก่อกองไฟปิ้งมันเผาด้วย มันเผาที่นี่อร่อยมาก ๆๆๆๆ ยิ่งตอนเผาเสร็จใหม่ ๆ ร้อน ๆ อร่อยจนน้ำตาไหลเลยละจ้ะ

บนเกาะนี้เห็นดาวชัดมากเลย แม่ลองนั่งนับดู แต่ดาวเยอะมากจนนับไม่ไหว แม่คิดถึงลูกจัง อยากให้ลูกได้มาเห็นบ้าง

ลูกอาจจะบอกว่าบนโลกเสมือนก็มีดาวจำลองเหมือนกัน สวยกว่าของจริงด้วยซ้ำ แต่ว่า บนโลกเสมือนไม่มีมันเผาอร่อย ๆ ไม่มีผู้คนใจดีแบบที่นี่ด้วย โลกเสมือนสะดวกดีก็จริง แต่แม่ก็ยังอยากสัมผัสกับของจริงอยู่ดี

สักวันหนึ่ง แม่ก็อยากให้ลูกออกมาสัมผัสด้วยตัวเองเช่นกันนะ

ที่เราต้องติดต่อกันด้วยจดหมาย ก็เพราะแม่ชอบอ่านจดหมายมาก ๆ โดยเฉพาะจดหมายของลูก แม่จะพักที่เกาะนี้สักหกวันนะจ๊ะ เขียนจดหมายมาหาแม่ตามที่อยู่บนซองได้เลยนะลูก เขียนมาอีกเยอะ ๆ เลย

รักและคิดถึงลูกมาก ๆ

แม่

ปล. ชายหนุ่มที่นี่หล่อจริง ๆ แต่ไม่มีใครน่ารักสู้ลูกได้เลยจ้ะ

 

– – – – – – – – – –

 

วันที่ยี่สิบเอ็ด เดือนสิบเอ็ด ศักราชโลกใหม่ที่ห้าร้อยห้าสิบห้า

กราบเท้าคุณแม่ที่เคารพ

เรื่องที่แม่ไปโดยไม่บอกลา ผมยกโทษให้แม่ก็ได้ครับ แต่แม่ต้องมาเจอผมที่คาเฟ่บนโลกเสมือนวันที่ยี่สิบห้าเดือนนี้ ตอนสิบหกนาฬิกาตามเวลานวสยามนะครับ

มันเผาน่ะ บนโลกเสมือนก็มีนะครับ แต่จะอร่อยเท่าที่แม่ได้กินหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ก็ผมกินของจริงไม่ได้ กินได้แต่ของจำลองบนโลกเสมือน แม่กินเผื่อผมด้วยนะครับ กินเยอะ ๆ เท่าที่แม่อยากกินเลย

วันนี้ที่คาเฟ่ในโลกจริง ๆ เวลาสิบสองนาฬิกาสิบห้านาที เป็นช่วงที่ลูกค้าเพิ่งทยอยมาทานอาหารกลางวัน มาสเตอร์กำลังช่วยเชฟอยู่ในครัว ส่วนพี่รัตน์ต้อนรับลูกค้าท่านอื่นอยู่ ผมเตรียมเครื่องดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ ลูกค้าท่านหนึ่งเปิดประตูร้านเข้ามา เขาเป็นชายวัยกลางคน เป็นลูกค้าขาประจำของร้านครับ

สวัสดี โคยูคิ เขาทักทายผมเหมือนเช่นเคย ผมยกมือไหว้เขา และเอ่ยสวัสดีเขาเหมือนทุกวัน ขอแบบเดิมนะ เขาบอก ผมประมวลผลคำสั่งส่งตรงเข้าฐานข้อมูลของร้าน ให้เชฟกับมาสเตอร์ทราบผ่านโทรแกรม พลางเร่งมือเตรียมเครื่องดื่มให้ลูกค้าท่านอื่นที่มาก่อนจนเรียบร้อยตามลำดับ ก่อนจะมาเตรียมเครื่องดื่มให้เขา

เครื่องดื่มที่ลูกค้าท่านนั้นดื่มประจำคือ ชามะนาวร้อน ผมดึงสูตรจากฐานข้อมูลของร้าน ผสมสัดส่วนเครื่องดื่มตามสูตรนั้น ใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียวมะนาวตามที่ฐานข้อมูลระบุไว้ว่าลูกค้าท่านนั้นใช้ประจำ ฝานมะนาวบาง ๆ ตกแต่งบนจานรองตามภาพในฐานข้อมูล

เมื่อนำไปเสิร์ฟ ตอนแรกลูกค้าท่านนั้นไม่ยอมดื่ม เอาแต่จ้องถ้วยชาจนผมต้องเอ่ยถามว่า ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เขาไม่ตอบคำถาม แต่ถามผมกลับว่า โคยูคิเป็นเอไอใช่ไหม ผมตอบรับว่า ใช่ครับ เขาจึงพูดต่ออย่างสุภาพว่า ขอโทษที่ถามนะ แต่เอไอกินดื่มไม่ได้ใช่ไหม แล้วเวลาปรุงอาหาร ชงเครื่องดื่ม ไม่ได้ชิมก่อนจะเสิร์ฟให้ลูกค้า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าอาหารที่ปรุง เครื่องดื่มที่ชง จะอร่อยถูกปากลูกค้า

ผมนิ่งประมวลผลอยู่ครู่ ก่อนจะตอบเขาไปว่า ใช่ครับ เอไอกินดื่มไม่ได้ แต่ปรุงอาหารหรือชงเครื่องดื่มตามสูตรที่คนคิดค้นไว้ได้ ผมเองก็ปรุงอาหารชงเครื่องดื่มตามสูตรของทางร้าน ซึ่งมาสเตอร์กับเชฟคิดขึ้นมา ทั้งสองได้ทดลองทำและชิมแล้ว จึงมั่นใจว่าอร่อยแน่นอน ส่วนเรื่องถูกปากลูกค้าหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ท่านลูกค้าต้องตัดสินใจ

ลูกค้าท่านนั้นฟังคำตอบของผมแล้วก็พยักหน้า บอกว่า ถูกของผม ก่อนจะค่อย ๆ ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม แล้วเอ่ยปากชมว่า อร่อยดี แต่ก็ไม่เหมือนที่มาสเตอร์ชงให้เสียทีเดียว

ผมไม่ได้ถามว่าไม่เหมือนตรงไหน เพราะเวลานั้นมีลูกค้าท่านอื่นเข้ามาในร้าน และผมต้องไปรับคำสั่ง สุดท้าย ผมก็ไม่มีเวลาไปถามลูกค้าท่านนั้นว่า ชามะนาวของผมต่างกับของมาสเตอร์อย่างไร

เมื่อเอ่ยถามเรื่องนี้กับมาสเตอร์ เขาก็ยกมือขวาขึ้นมาลูบคางตัวเอง ใบหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วตอบว่า เพราะชาของแต่ละคนจะมีจิตวิญญาณของผู้ชงอยู่ด้วย ชาของเขาใส่จิตวิญญาณของเขาลงไป จึงต่างจากชาของผมที่ใส่จิตวิญญาณของผมลงไปไงละ

ผมค้านว่า ผมเป็นเอไอ ไม่มีจิตวิญญาณ แต่มาสเตอร์ไม่ฟัง พูดต่อถึงเรื่องอาหารและจิตวิญญาณของคนปรุงไปเรื่อย ๆ ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมา จึงตัดสินใจปิดระบบประะมวลเสียงของมาสเตอร์ชั่วคราว เชฟเคยบอกผมไว้ ถ้าฟังมาสเตอร์ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องฟัง เพราะมาสเตอร์ชอบพล่ามอะไรที่คนปกติไม่เข้าใจ และไม่จำเป็นต้องเข้าใจ

พี่รัตน์บอกผมว่า ต่อให้เป็นสูตรอาหารอย่างเดียวกัน แต่ถ้าคนทำเป็นคนละคน อาหารที่ออกมาก็ต่างกันอยู่ดี เธอเองก็เคยพยายามลอกเลียนสูตรอาหารของแม่ แต่ปรุงอย่างไรก็ไม่อร่อยเหมือนที่แม่ทำสักที แม่เธอก็ว่า เพราะแม่ใส่ความรักของแม่ลงไปตอนปรุงอาหาร อาหารของแม่จึงอร่อย

ผมฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ ความรักเป็นความรู้สึกที่เป็นนามธรรม จะใส่ลงไปในอาหารได้อย่างไร พอถามออกไปแบบนั้น พี่รัตน์ก็นิ่งคิด ผ่านไปสามสิบวินาที เธอถึงตอบว่า อาจจะเหมือนที่ผมเขียนจดหมายถึงแม่ก็ได้ ผมใส่ความรักลงไประหว่างเขียนจดหมาย เพราะงั้นแม่ถึงชอบให้ผมเขียนให้

พี่รัตน์คงเห็นผมยังไม่เข้าใจ จึงบอกว่าลองเขียนมาถามแม่ดูไหม ผมจึงมานั่งเขียนจดหมายเล่าให้แม่อ่านนี่ละครับ

ที่แม่ชอบอ่านจดหมายของผม เพราะในจดหมายของผมมีความรักอยู่ จริงหรือเปล่าครับ ความรักที่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ผมใส่ลงไปตอนไหน ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวเลย

อย่าลืมมาเจอผมด้วยนะครับ ผมคิดถึงแม่

ด้วยรักและเคารพ

โคยูคิ

ปล. แม่ครับ อย่าไปบังคับคนที่เขาไม่เต็มใจให้แต่งงานด้วยนะครับ ผมเคยเห็นในละครที่พี่รัตน์ชอบดู การบังคับแต่งงานจะทำให้ทุกคนเป็นทุกข์และเกิดปัญหาตามมามากมาย แม้ตอนท้ายจะรักกันก็เถอะ แต่ผมไม่แนะนำให้แม่ทดลองทำในชีวิตจริงครับ

 

– – – – – – – – – –

 

วันที่ ๒๔ เดือน ๑๑ ศ.ล.ม. ๕๕๕

สวัสดีจ้ะ ลูกรัก

อ่านจดหมายฉบับล่าสุดของลูกแล้ว ทำให้แม่คิดถึงลูกยิ่งกว่าเดิมเสียอีก คิดถึงจนอยากจะร้องไห้เลยละจ้ะ

ในจดหมายของลูกใส่ความรักลงมาด้วยจริง ๆ เจ้าความรักที่ว่านี่ไม่มีรูปร่างหน้าตาหรอกจ้ะ แต่แม่รู้สึกได้

ลูกถามว่าลูกใส่เจ้าความรักนี่ลงไปตอนไหน ทำไมไม่รู้ตัว เจ้าความรักนี่นะ ลูกไม่จำเป็นต้องรู้ตัวก็ได้ แต่เวลาที่ลูกห่วงใยใครสักคนมาก ๆ หรือตั้งใจทำอะไรมาก ๆ เจ้าความรักนี่จะผสมลงไปในสิ่งที่ลูกทำ เช่น ในจดหมายที่ลูกเขียนถึงแม่ ลูกห่วงแม่มาก ๆ ใช่ไหม คิดถึงแม่มาก ๆ ด้วย ก็เลยตั้งใจเขียนจดหมายมาก ๆ เจ้าความรักก็ผสมลงมาในจดหมาย ในถ้อยคำ โดยที่ลูกไม่รู้ตัว

ที่จริงแล้ว การใส่มาโดยไม่รู้ตัวนี่เอง ที่ทำให้แม่รู้สึกได้ถึงเจ้าความรักที่แฝงอยู่อย่างชัดเจน หากใส่มาโจ่งแจ้งเกินไป แม่จะระแวงว่าเจ้าความรักนี่เป็นของจริงไหม หรือแค่สิ่งอื่นที่นำมาตบแต่งให้คล้ายความรัก

ขอโทษที แม่ขี้ระแวงแบบนี้เอง ถึงยังหาพ่อมาให้ลูกไม่ได้เสียที

แม่ดีใจที่ทุกคนในร้านดีกับลูกมาก ๆ โดยเฉพาะพี่รัตน์ของลูก แม่ฝากถามพี่รัตน์ว่า อยากได้อะไรที่ชินนิฮงไหม แม่จะส่งพัสดุมาให้ อ้อ แต่บอกไว้ก่อนว่า ยกเว้นผู้ชายชาวชินนิฮงนะ ตัวใหญ่เกินไป ใส่กล่องพัสดุไม่ได้น่ะจ้ะ

ฝากถามมาสเตอร์กับเชฟด้วยนะลูก ว่าอยากได้อะไรไหม แม่จะหามาให้ทุกอย่าง ยกเว้นสาว ๆ สวย ๆ นะ แต่ถ้าชอบคนแก่ ๆ อย่างแม่ก็อาจจะพอหาให้ได้ หรือจะรับแม่ไว้พิจารณาก็ได้จ้ะ

เย็นนี้พวกแม่จะเดินทางออกจากเกาะชินคาโงะชิมะแล้วจ้ะ จะล่องเรือไปยังเกาะชินโอกินาวะ คงถึงตอนกลางคืน ไว้แม่จะเชื่อมต่อไปหาลูกที่โลกเสมือนพรุ่งนี้นะ เพราะงั้นกว่าลูกจะได้รับจดหมายฉบับนี้ เราคงได้เจอกันบนโลกเสมือนแล้ว

แล้วเจอกันนะจ๊ะ

รักและคิดถึงลูกมากถึงมากที่สุด

แม่

ปล. แม่ไม่บังคับข่มเหงใครมาแต่งด้วยหรอกจ้ะ มีแค่ลูกคนเดียวก็พอแล้ว

ปปล. แม่เพิ่งสังเกตว่าจดหมายของลูกขึ้นต้นด้วย ‘กราบเท้าคุณแม่ที่เคารพ’ ลงท้ายด้วย ‘รักและเคารพ’ ตามแบบจดหมายโบราณที่เขียนถึงญาติผู้ใหญ่ นี่ไง ความรักที่เห็นเป็นตัวอักษรชัดเจนเลย แต่ว่า ความเคารพนี่แม่สัมผัสไม่ได้เลยนะจ๊ะ

 

– – – – – – – – – –

 

โคยูคิมาถึงคาเฟ่บนโลกเสมือนก่อนเวลานัดหมายสิบนาที

เอไอที่ภายนอกดูเหมือนหนุ่มน้อยวัยสิบเก้าปี ผมสีน้ำตาลอัลมอนด์ซอยสั้นระต้นคอ ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินอย่างดอกลาเวนเดอร์ ผิวกายสีแทนอยู่ในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตสีนั่้ำงินแขนสั้นปล่อยชาย กางเกงขายาวสีครีม รองเท้าผ้าใบสีกรมท่า เขานั่งตัวตรงบนม้านั่งยาวแบบมีพนักพิง ซึ่งตั้งอยู่หน้าร้านคาเฟ่ที่ชื่อ อุ่นละมุน ชื่อเดียวกับร้านในโลกจริงที่เขาทำงานอยู่ และร้านในโลกเสมือนแห่งนี้เขาก็เป็นคนดูแลอยู่เช่นกัน

ก่อนที่เขาจะเข้าทำงานที่ร้าน มาสเตอร์ เชฟ กับพี่รัตน์ จะผลัดกันเข้ามาดูแลร้านในโลกเสมือน แต่เมื่อเขาเข้ามาทำงานที่ร้าน เจ้าของร้านที่ทุกคนเรียกกันว่า โอนเนอร์ จึงยกหน้าที่ดูแลร้านในโลกเสมือนให้เขา เพราะมนุษย์ไม่ควรเข้ามาในโลกเสมือนนานเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อระบบประสาท ทางการจึงจำกัดเวลาให้มนุษย์อยู่ในโลกเสมือนได้แค่วันละไม่เกินหกชั่วโมงเท่านั้น แต่สำหรับเอไอ โลกเสมือนไม่ส่งผลกระทบใด ตราบเท่าที่ยังมีพลังงานเหลืออยู่ เอไอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้

ที่จริงแล้ว โอนเนอร์อยากให้โคยูคิทำงานที่ร้านบนโลกเสมือนเพียงแห่งเดียว แต่แม่ของโคยูคิผู้เป็นเพื่อนสนิทกับโอนเนอร์ ขอให้โคยูคิทำงานที่โลกจริงด้วย โอนเนอร์จึงให้เอไอหนุ่มช่วยงานในช่วงเที่ยงตอนที่คนเยอะ ๆ เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น และดูแลร้านที่โลกเสมือนตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงตีห้า เป็นเวลาสิบสองชั่วโมง

อาจจะดูเหมือนโอนเนอร์ใช้งานเอไอหนุ่มหนักเกินไป แต่ตามกฎหมายของโลกใหม่แล้ว เอไอสามารถทำงานบนโลกเสมือนได้นานถึงสิบหกชั่วโมง เพราะบนโลกเสมือนใช้พลังงานน้อยกว่าโลกจริงถึงครึ่งหนึ่ง แต่ในเมื่อโคยูคิช่วยงานที่ร้านในโลกจริงสองชั่วโมงแล้ว โอนเนอร์จึงลดเวลาทำงานในโลกเสมือนของเขาให้เหลือสิบสองชั่วโมง

นอกเวลางาน โคยูคิก็สามารถทำอะไรได้ตามใจ จะไปเดินเตร็ดเตรในโลกจริงก็ได้ จะท่องโลกเสมือนก็ได้ หรือจะชาร์จพลังงานก็ได้

ปกติแล้วโคยูคิจะชาร์จพลังงานวันละสองครั้ง คือ ตั้งแต่ตีห้าถึงสิบเอ็ดโมงเช้า ก่อนจะไปช่วยงานที่ร้านบนโลกจริงจนถึงบ่ายโมง และชาร์จพลังงานอีกรอบตอนบ่ายโมงถึงบ่ายสอง ส่วนเวลาอีกสองชั่วโมงก่อนเปิดร้านบนโลกเสมือนนั้น เอไอหนุ่มอุทิศให้กับการอ่านหนังสือ

แม่ของโคยูคิเป็นหนอนหนังสือตัวฉกาจ เมื่อสิบปีก่อน ตอนรับตัวโคยูคิเป็นบุตรบุญธรรม ก็ประโคมอ่านแต่หนังสือให้เขาฟัง ตั้งแต่หนังสือสอนอ่านอักษร ตัวเลข นิทานภาพ นวนิยาย สารคดี และอีกสารพัดหนังสือ จึงเป็นเหตุให้เอไอหนุ่มติดนิสัยต้องอ่านหนังสือทุกวัน แม้ทำงานแล้วก็ต้องเจียดเวลามาอ่านหนังสือ ยกเว้นวันที่มีธุระเช่นวันนี้

อีกห้านาทีจะถึงเวลานัดหมาย โคยูคิหันซ้ายหันขวา ดูว่าแม่ของเขามาถึงหรือยัง แต่รอบข้างยังไม่มีใคร เขาจึงกลับมานั่งเหม่อมองไปยังเบื้องหน้าอีกครั้ง

แม่เป็นคนตรงเวลา ปกติจะมาถึงประมาณห้านาทีก่อนเวลานัด แม่เป็นคนใจร้อน ไม่ชอบรอใครนาน ๆ และไม่ชอบให้ใครรอตัวเองนาน ๆ แต่บางครั้งก็มาสายด้วยเหตุผลแปลก ๆ เช่น จำสถานที่นัดไม่ได้ หลงทางหาร้านไม่เจอ เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่มีโทรแกรมที่สามารถช่วยนำทางได้อยู่กับตัวแท้ ๆ แต่เจ้าต้วดันใช้ไม่เป็น

ขณะที่โคยูคิกำลังคำนวณความเป็นไปได้ที่แม่จะหลงทางอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปได้สูงทีเดียว หญิงวัยกลางคนก็ปรากฎตัวขึ้นที่ถนนหน้าร้าน ห่างจากเอไอหนุ่มประมาณห้าเมตร

“โคยูคิ”

เมื่อได้ยินคนที่รออยู่เรียกชื่อเขา เอไอหนุ่มก็ยิ้มให้ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้าไปกอดแม่ คนเป็นแม่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นกอดตอบ

โคยูคิเข้าใจว่าทำไมแม่ถึงลังเลที่จะกอดเขา แม่เป็นคนโดดเดี่ยวและขี้กลัว กลัวการใกล้ชิดกับผู้คนที่สุด แม้จะอยากกอดคนอื่นแค่ไหน ก็ไม่กล้าอ้าแขนก่อน แต่จะดีใจมากเวลาถูกกอด ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายมอบอ้อมกอดให้แม่ก่อนเสมอ

แม่ลูกกอดกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่โคยูคิจะถอยออกมาพิจารณาแม่ของเขาให้ชัด ๆ

แม่ของโคยูคิอายุสี่สิบห้าปี แต่ดูจากภายนอกเหมือนอายุสามสิบปลาย ๆ เพราะเป็นคนร่างเล็ก ผมสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติถูกทาทับด้วยสีย้อมอีกทีเพื่อปกปิดผมขาวแห่งวัยที่ล่วงเลย ผิวสีน้ำผึ้ง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเฉดอ่อนกว่าสีผมเล็กน้อย ถุงใต้ตามีสีคล้ำเหมือนคนอมโรค แก้มตอบ ใบหน้ามีริ้วรอยและฝ้าตามวัย โดยเฉพาะที่หัวคิ้ว เพราะชอบหมวดคิ้วบ่อย เธอสวมเสื้อผ้าง่าย ๆ อย่างเสื้อยืดแขนยาวสีเทา กางเกงขาวยาวสีน้ำเงิน รองผ้าใบสีดำ ปล่อยผมยาวสยาย ไม่แต่งหน้า โดยรวมก็จัดเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาธรรมดา ไม่โดดเด่นอะไร แถมยืนไหล่ลู่ลง ทำให้ยิ่งดูเป็นคนขาดความมั่นใจและหม่นหมอง แต่ว่าตอนที่เผยยิ้มกว้างให้ลูกชายอย่างรักใคร่เช่นตอนนี้ ก็ดูสว่างไสวขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

“แม่ผอมลงนะครับ น้ำหนักลดประมาณสองกิโลกรัม”

เอไอหนุ่มเอ่ยบอกหลังจากพิจารณาเสร็จ

“จริงเหรอ แต่ช่วงนี้แม่กินเยอะขึ้นแล้วนะ เพราะอาหารที่ชินนิฮงอร่อย”

แม่พูดอย่างงุนงง แต่ขณะที่พูดยังคงมีรอยยิ้มอยู่ในหน้า เพราะเธอดีใจมากที่ได้พบกับลูกชาย ซึ่งไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายสัปดาห์แล้ว

โคยูคิเสนอจะเลี้ยงอาหารแม่สักมื้อ ถึงอาหารบนโลกเสมือนจะไม่ได้คุณค่าทางโภชนาการ แต่ก็มีรสและสัมผัสเหมือนได้กินอาหารจริง บางทีหลังจากแม่ล็อกเอาท์ออกจากโลกเสมือนแล้ว อาจจะรู้สึกอยากกินของจริงขึ้นมาบ้างก็ได้ เอไอหนุ่มจึงนำมารดาเข้าไปในร้านอุ่นละมุน แต่ยังคงแขวนป้าย กำลังเตรียมการ ไว้ที่ประตู เพราะยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเปิดร้าน

แม่นั่งรออยู่ที่เคาท์เตอร์บาร์ไม้สีอ่อน ส่วนโคยูคิสวมผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่บนราวในครัว ก่อนจะลงมือทำสลัดมักกะโรนีสูตรของร้านอุ่นละมุน ส่วนผสมมี มักกะโรนีต้มสุก มะเขือเทศ แตงกวา กับแครอทหั่นเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ และข้าวโพด ปรุงรสด้วยมายองเนส มัสตาร์ด น้ำตาล เกลือป่น และซาวด์ครีม ที่จริงต้องใส่หัวหอมด้วย แต่แม่ของเขาไม่ชอบหัวหอม โคยูคิจึงไม่ใส่ ผ่านไปประมาณสิบนาที สลัดมักกะโรนีในถ้วยหินใบเล็กน่ารักสีขาวก็วางอยู่ตรงหน้าลูกค้าคนพิเศษ

สีสันของสลัดถ้วยนี้ทำให้แค่มองก็รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาแล้ว แม่ของโคยูคิไม่รอช้า รีบใช้ช้อนเงินตักสลัดเข้าปาก พอกินไปคำแรกก็ทำหน้าเคลิ้มด้วยความพึงพอใจที่สุด เอ่ยชมว่า อร่อยมาก ๆๆๆ โคยูคิลูกแม่ทำอาหารอร่อยที่สุดในโลก ยิ่งกินความหลงลูกก็ยิ่งเพิ่ม เริ่มบรรยายสรรพคุณลูกชาย โคยูคิลูกแม่ หล่อด้วย ทำอาหารเก่งด้วย ทำความสะอาดก็เนี๊ยบ ที่สำคัญคือเอาใจเก่ง ใครได้แต่งกับลูกชายแม่ ถือเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก

โคยูคิขัดขึ้นมาว่า รอให้แม่ได้แต่งงานก่อน เขาถึงจะวางใจ หนีไปแต่งงานได้ แล้วจึงเลื่อนแก้วใสใส่น้ำผลไม้ปั่นสีเหลืองส้มให้ บอกให้แม่ดื่มให้หมดแก้ว คนเป็นแม่ก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แม้จะสงสัยขึ้นมานิดหน่อยว่า ตกลงใครเป็นผู้ปกครองกันแน่

แม่ลูกนั่งคุยไปพลางกินอาหารไปพลาง แม่เล่าถึงคน ถึงอาหาร ถึงสถานที่ที่ไปพบเจอมาในช่วงที่ไม่ได้เจอกัน พอใกล้ได้เวลาเปิดร้าน ก็บอกกับลูกอย่างเสียดายว่า ตัวเองต้องไปแล้ว เพราะนัดกับพวกป้ารัตน์ไว้ว่าจะออกไปท่องราตรีหาของอร่อย ๆ กิน แม่จะอยู่ที่ชินโอกินาวะเจ็ดวัน ไว้เขียนจดหมายมาหาแม่ตามที่อยู่นี้ ว่าแล้วเธอก็ยื่นกระดาษจดที่อยู่ของที่พักบนเกาะชินโอกินาวะให้ โคยูคิรับกระดาษนั้นมาเก็บใส่กระเป๋า รับปากว่าจะเขียนไปหา กอดลาแม่ ก่อนจะเดินไปส่งที่หน้าร้าน ร่างของแม่ค่อย ๆ จางหายไปบริเวณหน้าร้านนั้นเอง เมื่อมองส่งแม่ล็อกเอาท์จากโลกเสมือนแล้ว โคยูคิจึงกลับไปหมุนป้ายที่แขวนไว้หน้าประตูจาก กำลังเตรียมการ เป็น ยินดีต้อนรับ และเข้าไปยืนหลังเคาท์เตอร์ พร้อมเริ่มงานของตัวเอง

 

– – – – – – – – – –

 

วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสิบเอ็ด ศักราชโลกใหม่ที่ห้าร้อยห้าสิบห้า

กราบเท้าคุณแม่ที่รัก

ผมค้นดูแล้ว ความรักที่ว่านี้เป็นความรู้สึกที่มีเฉพาะในสิ่งมีชีวิตอย่าง มนุษย์กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเท่านั้น เอไออย่างผมมีความรู้สึกอย่างนั้นได้เพราะโปรแกรมที่มนุษย์ใส่ไว้ในตัว

ความรู้สึกที่เกิดจากโปรแกรมแบบนี้ ถือเป็นความรู้สึกที่แท้จริงหรือเปล่าครับ ความรักของผมที่เป็นเอไอเป็นความรักที่แท้จริงหรือเปล่า หรือเป็นสิ่งที่ตบแต่งให้หน้าตาเหมือนความรักของจริงกันแน่ ถ้าเป็นแบบนั้น แม่จะยังดีใจที่ได้รับจดหมายของผมไหมครับ

 

เมื่อโคยูคิเขียนมาถึงตรงนี้ก็หยุดมือ ก่อนที่จะขยำกระดาษทิ้งแล้วเขียนใหม่

 

วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสิบเอ็ด ศักราชโลกใหม่ที่ห้าร้อยห้าสิบห้า

กราบเท้าคุณแม่ที่รัก

ผมถามพวกมาสเตอร์เรื่องของฝากให้แล้วครับ พี่รัตน์หัวเราะและฝากขอบคุณแม่ บอกว่าตอนนี้เธอยังนึกไม่ออกว่าอยากได้อะไร ไว้นึกออกเมื่อไรจะฝากผมบอกทางจดหมายอีกที ตอนนี้แค่แม่ถ่ายรูปคนหล่อ ๆ ที่ชินนิฮงมาเยอะ ๆ ก็พอ เชฟบอกขอบคุณแม่เหมือนกัน แต่เขาไม่อยากได้อะไร ไม่ว่าสาว ๆ หรือแก่ ๆ ก็ไม่อยากได้ ชีวิตของเขาอุทิศให้การทำอาหารแล้ว ส่วนมาสเตอร์บอกว่า ขอรับไว้แค่น้ำใจก็แล้วกัน แต่ชีวิตของเขาผูกติดกับร้านนี้แล้ว ถ้าแต่งกับแม่ พอแม่ออกเดินทาง เขาก็ไปด้วยไม่ได้เพราะต้องดูร้าน ถ้าอย่างนั้นเขาคงต้องกระวนกระวาย ทั้งหวงทั้งห่วงแน่นอน สู้ไม่ผูกพันกันแต่แรกดีกว่า

ที่จริงมาสเตอร์ยังพูดอะไรอีกมากมาย แต่ผมไม่เขาใจจึงปิดระบบประมวลผลเสียงของเขาชั่วคราว อย่างไรก็ตาม สรุปได้ว่า แม่ถูกปฏิเสธจากผู้ชายทั้งสองคนในคราวเดียวครับ

ไม่เป็นไรนะ แม่ยังมีผมอยู่นะครับ ถ้าเหงาก็มาหาผมที่คาเฟ่ได้นะครับ

รักและคิดถึง

โคยูคิ

ปล. ผมเปลี่ยนคำขึ้นต้นและลงท้ายให้จริงใจที่สุดแล้วนะครับ ไม่มีคำว่า ‘เคารพ’ แล้ว

ปปล. แม่กินข้าวให้ครบทุกมื้อและกินให้ตรงเวลาด้วยนะครับ ระหว่างมื้อก็กินขนมบ้างก็ได้ แต่ระวังอย่ากินมากเกินไป อ้วนขึ้นมาจะมาโทษผมไม่ได้นะครับ

 

– – – – – – – – – –

AI Story – 0 –

ชีวิต สำหรับคุณคืออะไร

สำหรับผม… สำหรับเอไอหรือหุ่นยนต์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างผม ชีวิต คือ การทำทุกอย่างเพื่อให้มนุษย์มีความสุข

คำว่า ‘ทุกอย่าง’ นี้ ผมหมายความตามนั้นจริง ๆ เอไอรุ่นแรก ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว พวกเขาทำได้กระทั่งฟื้นฟูดาวอังคาร ดาวเคราะห์ที่ใกล้สิ้นอายุขัยให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพื่อให้มนุษย์อาศัยเป็นบ้านหลังใหม่

ใช่ครับ โลกใหม่ที่เราอาศัยอยู่แห่งนี้ แต่เดิมเป็นดาวอังคาร ดาวที่แห้งแล้งและหนาวเหน็บ ไม่มีทางที่มนุษย์จะอาศัยอยู่ได้ แต่เพราะเหล่าเอไอหลายพันตน ทำงานอย่างหนักติดต่อกันหลายสิบปี ในที่สุดเราก็ได้มาอยู่บน ‘โลกใหม่’ อย่างทุกวันนี้

ที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ใช่จะทวงบุญคุณหรอกนะครับ แค่ยกตัวอย่างให้เห็นว่า เอไอทำทุกอย่างได้จริง ๆ เพื่อให้มนุษย์มีความสุข ก็มนุษย์มอบชีวิตให้เอไอเพื่อการนี้อยู่แล้ว และเอไออย่างผมจะมีความสุขก็ต่อเมื่อคนรอบข้างมีความสุข

ไม่ว่าจะเป็นเพราะโปรแกรมที่ใส่ไว้หรือเป็นความรู้สึกจากใจจริง ถึงอย่างไรความสุขก็คือความสุข ผมทำให้คนมีความสุข ผมเองก็มีความสุข ความสุขของเอไออย่างผมเรียบง่ายแบบนี้

แต่ความสุขของมนุษย์ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น

ขออภัยที่ต้องพูดตามตรงว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการมากมายจริง ๆ นอกจากความต้องการพื้นฐาน เช่น ต้องการอาหาร น้ำ ที่อยู่ เสื้อผ้า ความรัก มนุษย์ยังเฝ้าเสาะแสวงหาและต้องการสิ่งใหม่เสมอ และเมื่อได้สิ่งนั้นมาก็จะหาความต้องการใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

การแสวงหาสิ่งใหม่ ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่แสวงหาสิ่งนั้น หรือไม่อาจได้มาซึ่งสิ่งนั้น ทำให้มนุษย์ทรมาน และไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าทำให้เอไอที่อยู่เคียงข้างพลอยไม่มีความสุขไปด้วย

ถ้าพรมีอยู่จริง ผมคงขอให้มนุษย์รู้จักความสุขของตัวเองอย่างแท้จริง จนสามารถตอบคำถามของผมได้ทันทีว่า ชีวิตสำหรับพวกเขาคืออะไร

แล้วคุณละ ตอบได้ไหมว่า ชีวิตสำหรับคุณคืออะไร

คุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

หากยังตอบไม่ได้ หรือไม่แน่ใจในคำตอบนัก ก็ไม่เป็นไร ผมรู้จักหนุ่มน้อยเอไอตนหนึ่งที่กำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน ลองฟังเรื่องของเขาดูหน่อยเป็นไร มาค้นหาไปพร้อม ๆ กับเขาก็น่าจะดี

  • – – – – – – – – – –

เขียนใหม่ 24/03/2016